วีรตำนาน ของ แอร์วีน ร็อมเมิล

ร็อมเมิลได้รับกิตติศัพท์ว่าเป็นผู้บัญชาการที่มีมนุษยธรรมสูงและนายทหารมืออาชีพ กองทัพน้อยแอฟริกาใต้บัญชาของเขาไม่เคยถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงครามเลย ทหารที่ตกเป็นเชลยระหว่างการทัพแอฟริกาของร็อมเมิลได้ให้การว่าได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมด้วยการแบ่งส่วนอาหารที่เท่ากับทหารเยอรมัน เพราะร็อมเมิลคิดว่านักโทษควรได้รับสิทธิ์เท่าเทียบกับพลเรือนเยอรมัน ทหารเยอรมันที่ประจำการที่แอฟริกาเล่าว่า ขณะที่รถของร็อมเมิลติดทราย ร็อมเมิลยังลงมาช่วยทหาร ยิ่งไปกว่านั้น ร็อมเมิลยังปฏิเสธคำสั่งฆ่าคอมมานโด ทหาร และพลเรือนชาวยิวในทุกเขตสงครามใต้บังคับของเขา ร็อมเมิลไม่เคยเกณฑ์พลเรือนมาช่วยงานเขาฟรีๆ เขาจะมีค่าจ้างให้เสมอ[20]

วินสตัน เชอร์ชิลเคยกล่าวต่อรัฐสภาอังกฤษว่าร็อมเมิลเป็น "คู่ปรับที่ชาญฉลาดและใจกล้าเกินธรรมดา" และเป็น "แม่ทัพบกผู้ยิ่งใหญ่"[21][22] ภายหลังสงครามสิ้นสุด ฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกโดยเฉพาะอังกฤษได้ยกย่องร็อมเมิลเป็น "คนดีเยอรมัน" และเป็น "สหายร็อมเมิล" ชื่อของเขาถูกนำไปตั้งให้ฐานทัพบกที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีหลังสงคราม นั่นคือค่ายจอมพลร็อมเมิล (Generalfeldmarschall-Rommel-Kaserne) ในเมืองเอากุสท์ดอร์ฟ รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน